ข้อมูลบริษัท และ ประวัติความเป็นมา
เมื่อปีพ.ศ. 2549 นางสาวปราณี ศิริบูรณ์พิพัฒนา รับราชการที่สำนักงานเกษตรจังหวัดอำนาจเจริญ ตำแหน่งหัวหน้างานพืชสวนรับผิดชอบพืชสมุนไพร ออกท้องที่เป็นประจำจนหน้าคล้ำและเข้าฝ้า ได้อ่านพบงานวิจัย อาจารย์กิตติศักดิ์ ลิขิตวิทยาวุฒิ บอกว่ามะหาดสามารถทำให้หน้าขาวได้จึงได้ไปเอามะหาดมาจากวัดบ้านนาไร่ใหญ่ มาทำเป็นตำรับหลายๆ ตำรับ จนมีสูตรหนึ่งที่ทำให้ขนคิ้วขึ้นจึงเอาสูตรนั้นมาทำเป็นแฮร์โทนิคให้พ่อและคนใกล้ตัวใช้จึงไปปรากฏว่ามีผมขึ้น จึงไปจดอนุสิทธิบัตรและนับเป็นคนแรกของประเทศไทยที่นำเอามะหาดมาใช้กับเส้นผม
จนกระทั่งปี พ.ศ.2558ได้มีแนวคิดว่าน่าจะมีสมุนไพรชนิดอื่นที่ลดอาการผมร่วงและกระตุ้นให้ผมขึ้นได้ทดแทนการตัดต้นมะหาด จึงได้ไปปรึกษาและวิจัยร่วมกับภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(อาจารย์บุษบา ธระเสนา หัวหน้าภาควิชาฯ.)และทางภาควิชาฯ.ให้การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญได้ไปเรียนรู้ตำรับยาโบราณ กับปราชญ์ชาวบ้านและครูบาอาจารย์แพทย์แผนไทย หลายท่านพบว่าข้าวเหนียวดำหรือข้าวก่ำนั้น ตามตำราใบลานของบรรพบุรุษมีบอกว่าเป็นได้ทั้งเสริมอาหาร ยารักษา ป้องกันโรคและเป็นยาอายุวัฒนะ มีตำรับที่กล่าวถึงการใช้ประโยชน์กับเส้นผม จึงได้นำข้าวเหนียวดำหรือข้าวก่ำมาพัฒนาเป็นสูตรตำรับลดอาการผมร่วงและกระตุ้นให้ผมเกิด ตำรับหน้าขาว ตำรับหน้าเด้ง โดยทดสอบกับอาสาสมัคร ปรากฏว่าเส้นผมของอาสาสมัครเกิดเร็ว และหนาแน่นขึ้น หลังจากนั้นจึงไปจดอนุสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์น้ำยาปลูกผม ผลิตภัณฑ์หน้าขาว ผลิตภัณฑ์หน้าเด้ง สำหรับการทดสอบทางวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพฯ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ข้าวเหนียวดำที่นำมาใช้ในการสกัดเป็นข้าวเหนียวดำจากอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่ ที่ได้รับรองว่าเป็นแหล่งภูมิศาสตร์ที่มีการปลูกข้าวเหนียวที่มีคุณภาพหรือเป็นสินค้าที่รับรองแหล่งที่มาหรือข้าวจีไอ (GI=สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication) คือ การระบุแหล่งที่มาของสินค้าที่มีภูมิศาสตร์ ) และได้ทำการคิดค้นจนการสกัดสารจากข้าวเหนียวดำโดยกระบวนการใหม่เพื่อให้ได้สาร Anthocyanin ปริมาณมากขึ้น จึงทำให้ TAI-TAI เป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของลูกค้า
29 สิงหาคม 2560
ผู้ชม 13695 ครั้ง